พัฒนาการ

high expectation

เช็กอย่างไรดีว่า… เราเผลอคาดหวังในตัวลูกสูงเกินไปไหม?

เช็กอย่างไรดีว่า… เราเผลอคาดหวังในตัวลูกสูงเกินไปไหม? By  Thai Pianist, 21 February 2025 การคาดหวังที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกไม่รู้สึกเครียด หรือกดดันเกินไป การเช็กว่าคุณคาดหวังในตัวลูกสูงเกินไปหรือไม่ สามารถทำได้หลายวิธีที่ช่วยให้คุณเข้าใจและประเมินได้ว่าเป้าหมายและความคาดหวังของคุณนั้นเหมาะสมหรือไม่ ดูที่การตอบสนองของลูกหากลูกรู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลมากเกินไปเมื่อเผชิญกับความคาดหวัง อาจเป็นสัญญาณว่าคุณคาดหวังมากเกินไปดูว่าลูกมีความสุขกับสิ่งที่ทำอยู่หรือไม่ ถ้าลูกแสดงออกถึงความเบื่อหน่ายหรือไม่มีความสนุกในการทำสิ่งที่คุณคาดหวัง อาจจะบ่งบอกว่าความคาดหวังนั้นมากเกินไป ประเมินตามอายุและพัฒนาการของลูกคำนึงถึงวัยและพัฒนาการของลูกว่าพร้อมที่จะทำตามความคาดหวังนั้นหรือไม่ เช่น การคาดหวังให้ลูกทำงานหรือเรียนรู้ในระดับที่ยากเกินไปเมื่อเทียบกับวัยของเขาลูกแต่ละคนมีการพัฒนาและความสามารถที่แตกต่างกัน ความคาดหวังที่เหมาะสมต้องสอดคล้องกับพัฒนาการของลูก ถามตัวเองว่าเราคาดหวังเพื่ออะไรการคาดหวังในตัวลูกควรมีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยพัฒนาลูกให้ดีขึ้น ไม่ใช่เพื่อความพึงพอใจของผู้ปกครองเพียงอย่างเดียวถามตัวเองว่าเราต้องการให้ลูกประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆ เพราะประโยชน์ของลูกเองหรือเพราะคาดหวังจากการเปรียบเทียบกับคนอื่น ฟังความคิดเห็นจากลูกลองเปิดใจพูดคุยกับลูกเกี่ยวกับความรู้สึกของเขา ความคิดเห็นหรือความต้องการของลูกสำคัญมาก เพราะเขาคือผู้ที่ต้องเผชิญกับความคาดหวังให้ลูกมีโอกาสแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเป้าหมายที่คุณตั้งให้ เขาจะได้แสดงออกถึงสิ่งที่เขารู้สึกว่าเหมาะสมหรือไม่ เปรียบเทียบกับการคาดหวังในตัวลูกในอดีตทบทวนดูว่าเป้าหมายและความคาดหวังของคุณมีการเปลี่ยนแปลงตามช่วงวัยและพัฒนาการของลูกหรือไม่ หากคุณตั้งมาตรฐานที่สูงเกินไปตั้งแต่ต้น อาจเป็นสัญญาณที่แสดงว่าเป็นการคาดหวังที่มากเกินไป สำรวจผลลัพธ์จากความคาดหวังดูว่าความคาดหวังของคุณนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีต่อการพัฒนาของลูกหรือไม่ เช่น ลูกมีการพัฒนาทักษะที่ดีขึ้น มีความมั่นใจในตัวเอง หรือเป็นการทำลายความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูกหากลูกไม่มีความสุขหรือไม่สามารถบรรลุความคาดหวังนั้นได้ และเกิดปัญหาในการเรียนรู้หรือการพัฒนา ควรพิจารณาปรับเป้าหมายให้เหมาะสม ตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่นการตั้งเป้าหมายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์จะช่วยลดความกดดันและช่วยให้ลูกมีความรู้สึกว่ามีพื้นที่ในการเติบโตความคาดหวังควรเป็นเรื่องที่กระตุ้นการพัฒนาโดยไม่ต้องถูกจำกัดด้วยความสมบูรณ์แบบหรือความสำเร็จที่ไม่สามารถบรรลุได้ สำรวจความเป็นจริงของลูกคิดว่าลูกมีความสามารถและความสนใจในด้านใดบ้าง คาดหวังตามความสามารถที่แท้จริงของลูกโดยไม่ใช่การเปรียบเทียบกับคนอื่นหรือสิ่งที่คุณคิดว่า “ต้องทำได้”ให้ความสำคัญกับกระบวนการเรียนรู้มากกว่าผลลัพธ์สุดท้าย เพื่อให้ลูกเข้าใจว่าความพยายามและการพัฒนาตัวเองคือสิ่งสำคัญที่สุด หาความสมดุลระหว่างการสนับสนุนและการปล่อยให้ลูกมีอิสระคุณสามารถสนับสนุนลูกให้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีได้โดยไม่ต้องตั้งความคาดหวังที่สูงเกินไป ซึ่งจะช่วยให้ลูกได้พัฒนาความมั่นใจในตัวเองและรู้สึกว่าการพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องสนุก ให้ลูกมีความอิสระในการตัดสินใจและตั้งเป้าหมายด้วยตัวเองบ้าง เพื่อให้เขารู้สึกมีส่วนร่วมในกระบวนการ การคาดหวังที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกพัฒนาไปในทางที่ดี โดยไม่ทำให้เขารู้สึกกดดันหรือเครียดเกินไปค่ะ สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422 หรือ 089-6792835หรือแอดเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ […]

เช็กอย่างไรดีว่า… เราเผลอคาดหวังในตัวลูกสูงเกินไปไหม? Read More »

off key singing

ทำอย่างไร? ถ้าเด็กๆ เริ่มเสียความมั่นใจเพราะร้องเพลงเพี้ยน

ทำอย่างไร? ถ้าเด็กๆ เริ่มเสียความมั่นใจเพราะร้องเพลงเพี้ยน By  Thai Pianist, 17 February 2025 เทคนิคการเพิ่มความมั่นใจให้เด็กๆ เมื่อเด็กที่ร้องเพลงเพี้ยนสูญเสียความมั่นใจ การสนับสนุนและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพวกเขามีความสำคัญมาก วิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเด็กได้มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ ชื่นชมความพยายาม: เน้นย้ำถึงความพยายามและความตั้งใจของเด็กในการร้องเพลง แม้ผลลัพธ์จะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ การชื่นชมความพยายามจะช่วยให้เด็กเห็นคุณค่าในตัวเองและไม่ท้อถอย ให้กำลังใจและสนับสนุน: แสดงความเชื่อมั่นในความสามารถของเด็ก และสนับสนุนให้พวกเขาฝึกฝนต่อไป การมีผู้สนับสนุนที่เข้าใจและให้กำลังใจจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก แนะนำการฝึกฝนเพิ่มเติม: แนะนำให้เด็กฝึกฝนเทคนิคการร้องเพลงเพิ่มเติม เช่น การฝึกหายใจ การควบคุมเสียง และการฟังโน้ต การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะและลดความเพี้ยนในการร้องเพลง สร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นบวก: สร้างสภาพแวดล้อมที่เด็กรู้สึกปลอดภัยและได้รับการยอมรับ การมีสภาพแวดล้อมที่ดีจะช่วยให้เด็กกล้าที่จะแสดงออกและพัฒนาตนเอง หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ที่ทำลาย: หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ที่ทำให้เด็กรู้สึกแย่หรือสูญเสียความมั่นใจ แทนที่ควรให้คำแนะนำที่สร้างสรรค์และเป็นกำลังใจ นอกจากนี้ การฝึกฝนเทคนิคการร้องเพลงเพิ่มเติม เช่น การฝึกหายใจ การควบคุมเสียง และการฟังโน้ต จะช่วยให้เด็กพัฒนาทักษะและลดความเพี้ยนในการร้องเพลงนั่นเองค่ะ สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422 หรือ 089-6792835หรือแอดเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ Line: @thaipianist Facebook Instagram Youtube บทความที่เกี่ยวข้อง

ทำอย่างไร? ถ้าเด็กๆ เริ่มเสียความมั่นใจเพราะร้องเพลงเพี้ยน Read More »

shy kids

ทำอย่างไรดี? ถ้าเด็กไม่กล้ายกมือถามคุณครู

ทำอย่างไรดี? ถ้าเด็กไม่กล้ายกมือถามคุณครู By  Thai Pianist, 10 February 2025 การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีมีผลเอื้อต่อการเรียนรู้ บทความนี้มีวิธีการช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้เด็ก เพื่อช่วยให้พวกเขากล้าที่จะถามตอบมากขึ้น จะมีอะไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ สร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย: คุณครูควรสร้างบรรยากาศในห้องเรียนที่ทำให้นักเรียนรู้สึกสบายใจในการตั้งคำถาม เช่น การชวนนักเรียนคิดบ่อยๆ และกระตุ้นให้นักเรียนตั้งคำถามผ่านข่าวสารหรือประเด็นที่มีข้อถกเถียง ทำให้การตั้งคำถามเป็นกิจกรรมที่สนุก: การเปลี่ยนการถาม-ตอบให้เป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน เช่น การเล่นเกม “20 คำถาม” หรือ “ถามต่อ” จะช่วยให้นักเรียนรู้สึกสนุกและกล้าที่จะถามมากขึ้น ฝึกให้นักเรียนตั้งคำถามที่ชัดเจน: การฝึกให้นักเรียนรู้จักการตั้งคำถามที่ชัดเจนและตรงประเด็น จะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจในการถามมากขึ้น ให้เวลานักเรียนได้คิดคำตอบ: การให้เวลานักเรียนคิดก่อนที่จะถามคำถาม จะช่วยลดความกดดันและกระตุ้นให้เกิดคำถามที่มีคุณภาพ ให้กำลังใจและสนับสนุนเมื่อนักเรียนถาม: การให้กำลังใจและแสดงความสนับสนุนเมื่อนักเรียนถาม จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในการถามของพวกเขา ไม่เร่งหรือบังคับนักเรียน: การให้โอกาสนักเรียนได้ถามเมื่อพวกเขาพร้อม จะช่วยให้พวกเขารู้สึกสบายใจและกล้าที่จะถามมากขึ้น สร้างแบบอย่างที่ดี: คุณครูควรเป็นแบบอย่างในการตั้งคำถามและแสดงความสนใจในความคิดเห็นของนักเรียน เพื่อกระตุ้นให้นักเรียนกล้าถามมากขึ้น การนำวิธีเหล่านี้ไปใช้ จะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และทำให้นักเรียนกล้าที่จะถามเมื่อไม่เข้าใจมากขึ้นนั่นเองค่ะ สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422 หรือ 089-6792835หรือแอดเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ Line: @thaipianist Facebook Instagram Youtube

ทำอย่างไรดี? ถ้าเด็กไม่กล้ายกมือถามคุณครู Read More »

teacher affect children behavior

ครูมีผลต่อนิสัยเด็กอย่างไร?

ครูมีผลต่อนิสัยเด็กอย่างไร? By  Thai Pianist, 3 February 2025 ครูมีบทบาทสำคัญกับเด็ก ครูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานิสัยและพฤติกรรมของเด็ก โดยการกระทำและทัศนคติของครูสามารถส่งผลต่อการเรียนรู้และการเติบโตของเด็กในหลายด้าน ดังนี้: การสร้างความมั่นใจในตนเอง: ครูที่ให้การสนับสนุนและกำลังใจแก่เด็ก ช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตนเองและความภาคภูมิใจในความสามารถของตนเอง การเป็นแบบอย่างที่ดี: ครูที่ประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งในด้านกาย วาจา และใจ จะช่วยให้เด็กเรียนรู้และนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน การตอบสนองต่อพฤติกรรมของเด็ก: การตอบสนองต่อพฤติกรรมของเด็กอย่างเหมาะสม ช่วยให้เด็กเรียนรู้พฤติกรรมที่เป็นที่ยอมรับและพัฒนานิสัยที่ดี การลดความเครียดของครู: ความเครียดของครูสามารถส่งผลต่อพฤติกรรมและผลการเรียนรู้ของเด็กได้ ดังนั้น การจัดการความเครียดของครูจึงเป็นสิ่งสำคัญ การใช้เทคนิคการสอนที่เหมาะสม: ครูที่ใช้เทคนิคการสอนที่น่าสนใจและเหมาะสมกับวัยของเด็ก จะช่วยกระตุ้นความสนใจและการมีส่วนร่วมในการเรียนรู้ การสร้างความสัมพันธ์ที่ดี: ครูที่มีความเข้าใจและใส่ใจในความรู้สึกของเด็ก จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนานิสัยและพฤติกรรมของเด็กดังนั้น ครูจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนานิสัยและพฤติกรรมของเด็ก การปฏิบัติตนอย่างเหมาะสมและใส่ใจในความต้องการของเด็ก จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับเด็กในทุกด้านนั่นเองค่ะ สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422 หรือ 089-6792835หรือแอดเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ Line: @thaipianist Facebook Instagram Youtube บทความที่เกี่ยวข้อง อยากเรียนดนตรี แต่มีลูกเล็ก จะจัดการเวลาอย่างไรดี Thai PianistJanuary

ครูมีผลต่อนิสัยเด็กอย่างไร? Read More »

one on one lesson

ข้อดีของการเรียนดนตรีตัวต่อตัว

ข้อดีของการเรียนดนตรีตัวต่อตัว By  Thai Pianist,  11 July 2024 โฟกัสเต็มที่ มีเวลาพัก และไม่กดดัน การเรียนดนตรีนั้น มีทั้งแบบเรียนเดี่ยว และเรียนกลุ่ม ซึ่งโดยส่วนมากแล้วผู้คนมักจะนิยมเรียนกันแบบตัวต่อตัวกับคุณครูผู้สอน ไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนดนตรี หรืออาจเป็นที่บ้านของตน ซึ่งข้อดีของการเรียนดนตรีแบบตัวต่อตัวจะมีอะไรบ้างนั้น บทความนี้มีคำตอบค่ะ คุณครูโฟกัสเต็มที่ เมื่อมีนักเรียนเพียงคนเดียว จะทำให้คุณครูสามารถโฟกัสการสอน และเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหว หรืออารมณ์ของผู้เรียนได้ง่ายขึ้น จึงส่งผลต่อประสิทธิภาพการเรียนของนักเรียนคนนั้นมากนั่นเอง มีเวลาได้พัก เนื่องจากเป็นการเรียนเดี่ยว จึงทำให้สามารถขอพักในช่วงที่รู้สึกเหนื่อยได้ โดยไม่ต้องให้คนอื่นมารอ ทำให้เราสามารถเรียนดนตรีได้อย่างไม่กดดันจนเกินไป ไม่เกิดการเปรียบเทียบ หลายครั้งที่เมื่อเรียนกลุ่ม เรามักจะหันมองคนข้างๆ ว่าเขาเล่นดีหรือแย่กว่าเรา ทำให้หลายๆ ครั้งเกิดการกดดันตัวเองขึ้น การเรียนเดี่ยวจึงสามารถสร้างความสบายใจได้มากกว่านั่นเอง นอกจากนี้ยังมีอีกหลากหลายข้อดีของการเรียนดนตรีแบบตัวต่อตัว ซึ่งเป็นที่นิยมในคนหมู่มากมาแต่ไหนแต่ไร ใครที่สนใจเรียนดนตรีตัวต่อตัว สามารถติดต่อแอดมินมาได้ที่ช่องทางด้านล่างนี้ได้เลยนะคะ สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422 หรือ 089-6792835 หรือแอดเป็นเพื่อนกับเราได้ที่ Line: @thaipianist Facebook Instagram Youtube บทความที่เกี่ยวข้อง เพลงรอสาย

ข้อดีของการเรียนดนตรีตัวต่อตัว Read More »

brain development through music

เมื่อสมองถูกพัฒนาผ่านบทเรียนดนตรี

เมื่อสมองถูกพัฒนาผ่านบทเรียนดนตรี By  Thai Pianist,  25 November 2023 การเล่นดนตรี ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของสมอง รู้หรือไม่? การเล่นดนตรีช่วยให้สมองเกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้างตลอดเวลา นอกจากจะช่วยให้เราได้รับความสุนทรีย์แล้ว ยังช่วยเสริมพัฒนาการมากกว่าที่เราคิด! การเล่นดนตรี ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และการพัฒนาสมองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเกิดขึ้นได้ในทุกเพศทุกวัย ดนตรีเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของการเชื่อมต่อวงจรประสาทในสมองอย่างหนึ่งอีกด้วย โดยการพัฒนาที่เกิดขึ้นในแต่ละส่วนของสมองนั้น เชื่อมโยงกับการฝึกเล่นดนตรีดังนี้ การอ่านโน้ตเพลงและตีความตัวโน้ตอาศัยการทำงานของสมองส่วนท้ายทอย (occipital lobe) การฟังและวิเคราะห์เสียงอาศัยการทำงานของสมองส่วนขมับ (temporal lobe) การเคลื่อนไหวนิ้วมือและวางแผนการเคลื่อนไหวอาศัยการทำงานของสมองส่วนหน้า (frontal lobe) การรวบรวมข้อมูลประสาทสัมผัสทั้งหมดที่เข้ามาอาศัยการทำงานของสมองส่วนกลีบข้างกระหม่อม (parietal lobe) การวางแผนการเคลื่อนไหวและเรียนรู้การเคลื่อนไหวอาศัยการทำงานของสมองส่วนเบซัล แกงเกลีย (basal ganglia) ทำให้เราสามารถเคลื่อนไหวมือได้อย่างอัตโนมัติ การเคลื่อนไหวมือทั้ง 2 ข้างให้ประสานสัมพันธ์กันและเรียนรู้การเคลื่อนไหว อาศัยการทำงานของสมองส่วนซีรีเบลลัม (cerebellum) จากข้อมูลดังกล่าวนี้จึงสามารถบอกได้ว่า การเล่นดนตรีส่งผลให้ให้สมองเกิด neuroplasticity ในทุกส่วนจริงๆ ค่ะ (ขอบคุณข้อมูลจาก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล) สนใจเรียนดนตรีกับ Thai Pianist สอบถามเพิ่มเติมติดต่อ 094-4539422

เมื่อสมองถูกพัฒนาผ่านบทเรียนดนตรี Read More »

doodle art ศิลปะ

Doodle Art ศิลปะลายเส้นขยุกขยิก เปิดโลกแห่งจินตนาการ

Doodle Art ศิลปะลายเส้นขยุกขยิก เปิดโลกแห่งจินตนาการ By  Kru Cindy Smart Melody,  13 June 2023 เปิดโลกแห่งจินตนาการไปกับศิลปะลายเส้น การวาด Doodle คือการเขียนอย่างสะเปะสะปะ หรือการวาดเส้นขยุกขยิกไปตามอารมณ์ มักจะเริ่มจากการวาดเส้นง่ายๆ เช่น ลายเส้นโค้ง ลายเส้นตรง รูปร่าง รูปทรงเบื้องต้น แล้วค่อยๆ เพิ่มรายละเอียดหรือลายเส้นเล็กๆ เข้าไปในภาพ หรือสามารถสร้างลายเส้นวาดเป็นรูปเพื่อสร้างเรื่องราวต่างๆ แบบเป็นแพทเทิร์นซ้ำๆ ต่อกันไป ก็ได้เช่นกัน Doodle จะช่วยให้เราเข้าถึงความคิดสร้างสรรค์ของเรา และสามารถเข้าถึงจิตใต้สำนึกของเราได้ ในขณะที่วาด เราจะไม่ได้คิดว่าเรากำลังวาดอะไรอยู่ เป็นวิธีแสดงความคิดและความรู้สึกที่อยู่ลึกสุดของเรา ความสวยงามของการวาดเส้นก็ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษหรือการฝึกฝนใดๆ ไม่มีวิธีเขียนที่ตายตัว ไม่มีคำว่าถูกหรือผิด มันคือการปลดปล่อยความยับยั้งชั่งใจ และปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ของเราไหลอย่างอิสระ สิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดอย่างหนึ่งเกี่ยวกับศิลปะ Doodle คือคนทุกวัยสามารถสร้างสรรค์ได้อย่างเพลิดเพลิน ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ ทุกผลงานก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บางคนชอบสร้างรูปแบบและการออกแบบที่สลับซับซ้อน ในขณะที่บางคนชอบวาดภาพธรรมดาและรูปร่างที่เรียบง่าย ในทางจิตวิทยากล่าวว่า การวาด Doodle ยังเป็นศิลปะบำบัด รูปแบบหนึ่ง ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด นอกจากจะเป็นการเสริมสร้างในเรื่องของจินตนาการแล้ว

Doodle Art ศิลปะลายเส้นขยุกขยิก เปิดโลกแห่งจินตนาการ Read More »

flashcards พัฒนาการลูก

เสริมพัฒนาการลูก ด้วยเกม “แฟลชการ์ด”

เสริมพัฒนาการลูก ด้วยเกม “แฟลชการ์ด” By  Kru Cindy Smart Melody,  2 June 2023 เปิดเทอมแล้ว มาหากิจกรรมสนุกๆ ทำระหว่างครอบครัวกัน Flash Cards (แฟลชการ์ด) เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็ก แฟลชการ์ด คือการนำแผ่นการ์ดที่มีภาพหรือคำศัพท์ มาใช้ประกอบการเรียนการสอน เพื่อการเรียนรู้คำศัพท์ ตัวเลข สี รูปร่าง และยังมีอีกหลายๆ องค์ประกอบของความรู้ ให้เรียนได้อย่างสนุกสนานและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การใช้แฟลชการ์ดมีผลต่อการเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในด้านลักษณะการเรียนรู้และเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ ดังนี้ พัฒนาการสื่อสาร แฟลชการ์ดช่วยส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการสื่อสารของเด็ก ทั้งทักษะการออกเสียงและฟัง ผ่านการฝึกฝนคำศัพท์และประโยคที่แสดงบนแฟลชการ์ด การเรียนรู้ผ่านภาพจะช่วยให้เด็กเข้าใจความหมายและสื่อสารได้มากขึ้น การเรียนรู้ภาษา การใช้แฟลชการ์ดช่วยเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ช่วยสร้างการจดจำคำศัพท์ คำศัพท์เฉพาะ หรือประโยค ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้ภาษาอย่างรวดเร็วและมีความคล่องตัวในการใช้ภาษามากขึ้น การพัฒนาสมอง การใช้แฟลชการ์ดช่วยเสริมพัฒนาสมองของเด็ก ซึ่งการมองและจดจำภาพต่างๆ บนแฟลชการ์ดจะช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองในการรับรู้และจดจำข้อมูล นอกจากนี้ยังช่วยพัฒนาทักษะคิด เช่น การจับคู่ ความสัมพันธ์ของวัตถุ และการแก้ปัญหา การพัฒนาทักษะด้านสติปัญญา การใช้แฟลชการ์ดช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กในด้านต่างๆ เช่น การเรียนรู้เลข

เสริมพัฒนาการลูก ด้วยเกม “แฟลชการ์ด” Read More »

Art and Music Can Help Kids with Special Needs

ดนตรีและศิลปะ ช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กพิเศษ

ดนตรีและศิลปะ ช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กพิเศษ By  Kru Cindy Smart Melody,  8 February 2023 เด็กพิเศษ คือ เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าคนปกติทั่วไป เด็กพิเศษ คือ เด็กที่ต้องการความช่วยเหลือ ต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าคนปกติทั่วไป เช่น เด็กที่มีปัญหาทางด้านการเรียนรู้ สมาธิสั้น ดาวน์ซินโดรม ออทิสติก หรือเด็กที่มีความพิการ ทางด้านร่างกายและสมอง ซึ่งวิธีการดูแลเด็กแต่ละกลุ่มก็จะแตกต่างกันไป ดนตรีและศิลปะ คือสิ่งใกล้ตัวที่สามารถนำมาช่วยแก้ไขและพัฒนาเด็กพิเศษกลุ่มต่างๆ ได้ แนวคิดนี้มาจากประสบการณ์การเป็นครูสอนดนตรีท่านหนึ่ง ที่มีโอกาสได้สอนดนตรีเด็กพิเศษ แล้วพบว่าเด็กชอบดนตรีและสามารถทำกิจกรรมทางดนตรีได้ ถึงแม้ว่าทักษะจะไม่ดีเทียบเท่ากับคนปกติก็ตาม ข้อดีของดนตรี คือ เรื่องการฝึกทักษะในด้านต่างๆ ดนตรีมีเครื่องมือหลากหลายชนิดให้เลือกตามความเหมาะสมของผู้เล่นแต่ละคน รวมไปถึงการฝึกเคาะจังหวะหรือร้องเพลง เด็กจะสามารถเลือกเล่นในแบบที่ตัวเองชอบและทำกิจกรรมได้นาน ทำให้มีสมาธิมากขึ้น ดนตรีเป็นสิ่งที่เรียนรู้ได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้เฉพาะเรื่องของทักษะการเล่นดนตรี เรายังสามารถสอนให้เด็กฟังดนตรี รู้จักความหลากหลายทางดนตรี อารมณ์ของเพลงที่มีความแตกต่างกัน การเรียนดนตรีนั้นจะต้องฟังก่อนแล้วเลียนแบบ เช่น ร้องตามเสียง ตบมือตามจังหวะ กดเสียงตามคนสอน ซึ่งการเลียนแบบของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ เด็กพิเศษจะเรียนรู้ได้ช้า เราก็จะสังเกตแล้วค่อยๆ สอนให้เด็กทำตาม ให้กล้ามเนื้อของเด็กได้จดจำ

ดนตรีและศิลปะ ช่วยพัฒนาศักยภาพเด็กพิเศษ Read More »

how to strengthen children positive behavior

เน้นพัฒนาจุดเด่นของลูก ดีกว่าพยายามแก้ไขจุดด้อยจริงหรือ?

เน้นพัฒนาจุดเด่นของลูก ดีกว่าพยายามแก้ไขจุดด้อยจริงหรือ? By  Kru Cindy Smart Melody, 2 February 2023 เด็กทุกคนสามารถเติบโตมาเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองเลือก หรือเป็นใครก็ได้ที่มีความสุขกับการใช้ชีวิต สิ่งสำคัญที่จะเป็นตัวช่วยให้ลูกเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ นั่นก็คือ วิธีการเลี้ยงดู คนที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ว่าไม่มีจุดด้อย บางคนมีจุดด้อยมากกว่าคนอื่นแต่ก็ยังสามารถประสบความสำเร็จได้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีของคนพิการที่มีร่างกายและสมองไม่สมบูรณ์ แต่มีความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าคนปกติทั่วไป เราอาจจะเคยเห็น คนตาบอดที่เล่นเปียโนเก่งๆ คนไม่มีแขนแต่ใช้ปากวาดรูปได้สวยมาก นี่คือผลลัพธ์ของการที่เน้นพัฒนาจุดเด่น มากกว่าการพยายามแก้ไขหรือพัฒนาจุดด้อย การที่พ่อแม่เน้นมองแต่ปัญหาของลูกว่ามีจุดอ่อนอะไรบ้าง อาจจะช่วยให้ลูกพัฒนาขึ้นมาอยู่ในระดับปกติทั่วไป แต่วิธีนี้จะยิ่งทำให้ลูกจดจ่ออยู่กับปัญหาของตัวเอง และทำให้เกิดความเครียดได้ ถ้าหากเลือกใช้วิธีค้นหาจุดเด่นของลูกให้เจอ แล้วส่งเสริมได้อย่างถูกทาง ก็จะทำให้ศักยภาพในด้านนั้นถูกพัฒนาไปสู่ระดับที่มีความพิเศษมากขึ้น นักจิตวิทยาแบ่งจุดแข็งเด็กๆ ออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน 1) จุดแข็งแบบพรสวรรค์ หรือความสามารถพิเศษ (Talents) เช่น พรสวรรค์ด้านดนตรี กีฬา ศิลปะ ภาษา หรือทักษะความสามารถพิเศษในด้านต่างๆ 2) จุดแข็งแบบคุณลักษณะ (Character) คือสิ่งที่แสดงออกทางพฤติกรรมและบุคลิกภาพ เช่น การพูดเก่ง เป็นคนขยัน มีความกล้าแสดงออก การค้นหาจุดแข็งของเด็ก

เน้นพัฒนาจุดเด่นของลูก ดีกว่าพยายามแก้ไขจุดด้อยจริงหรือ? Read More »