“เพราะการเรียนดนตรีไม่ใช่แค่การมีความสามารถพิเศษ” คุณพ่อคุณแม่หลายๆคนส่งให้เด็กๆเรียนดนตรี เพราะอยากให้น้องๆมีความสามารถพิเศษติดตัวไป แต่รู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วการเรียนดนตรีของเด็กๆไม่ใช่แค่ความสามารถพิเศษที่ได้เพิ่มมา แต่มีประโยชน์ในแง่ต่างๆอีกมากมายที่แฝงอยู่ในแต่ละคลาสเรียน
การคิดอย่างเป็นระบบและการจดจำ
ผู้ปกครองหลายท่านทราบว่าการเรียนดนตรีจะช่วยพัฒนาสมองให้กับผู้เรียน แต่อาจจะไม่แน่ใจว่าสามารถพัฒนาได้อย่างไร การเล่นดนตรีให้เป็นเพลงเพราะได้ เกิดจากการคิดอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการอ่านโน๊ตผ่านบรรทัด 5 เส้น ต้องมีการจำโน๊ตบางตัวแล้วใช้วิธีนับช่องเส้นเพื่อให้ทราบถึงโน๊ตที่ต้องเล่น รวมถึงเข้าใจจังหวะหรือความยาวของโน๊ตนั้นๆที่ต้องเล่น เมื่อเริ่มเข้าใจในโน๊ตที่ต้องเล่น ต้องจดจำเมโลดี้เสียงโน๊ต และฝึกซ้อมจนสามารถเล่นได้ดี ซึ่งการคิดเป็นขั้นตอนแบบนี้ จะทำได้ดีและเร็วขึ้นเพราะสมองได้ฝึกและทำอย่างสม่ำเสมอ หากน้องๆได้เรียนอย่างถูกวิธี น้องๆจะเข้าใจวิธีการเล่นเพลงอย่างเป็นระบบ และหากคุณครูเองสอนในลักษณะ smart learning ก็จะช่วยแนะแนวทางการคิดเป็นขั้นตอนให้กับน้องๆไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ความสัมพันธ์ที่ดีของร่างกาย
ยกตัวอย่างการเล่นเปียโน ตาต้องอ่านโน๊ต สมองต้องคิดว่าเป็นตัวโน๊ตอะไร เล่นแบบไหน จังหวะเท่าไหร่ แล้วต้องเปลี่ยนจากภาพที่เห็นผ่านชีทเพลง มาใช้นิ้วกดลงบนเปียโนออกมาเป็นเสียงนั้นๆ ท่าที่นั่ง การพริ้วไหวของมือ แขน ข้อศอกมีผลต่อความไพเราะของเพลง ซึ่งจะใช้หูในการฟังว่าเราเล่นถูกตามที่โน๊ตเขียนไว้หรือไม่ บางเพลงก็จะมีการเหยียบ Pedal ที่เท้าเพิ่มเติม จะเห็นได้ว่า แทบจะต้องใช้ทุกส่วนของร่างกายในการเล่นทำงานอย่างประสานกันในเวลาเดียวกัน
กล้ามเนื้อมัดเล็กที่แข็งแรง
แต่ละเครื่องดนตรี จะมีวิธีการเล่นที่แตกต่างกัน เครื่องดนตรีที่เน้นการใช้นิ้วดีดอย่างเปียโน จะมีวิธีการกด หรือท่าที่ใช้ในการกดแบบถูกต้องโดยเฉพาะ ซึ่งหากน้องๆมีการฝึกกดอย่างถูกวิธี ก็จะช่วยเสริมสร้างให้น้องๆมีกล้ามเนื้อนิ้วมัดเล็กที่แข็งแรง เพราะการเล่นเปียโนให้ได้ดีในเพลงเร็ว สิ่งสำคัญคือการวิ่งของนิ้ว ที่ต้องเร็วได้ดั่งใจตามที่เราเห็นผ่านโน๊ต หลายคนจะสงสัยว่าเด็กเล็กๆทำไมถึงเล่นไม่ค่อยเป็นเพลง ทั้งๆที่ร้องโน๊ตได้ มีความเข้าใจโน๊ตที่อ่าน ส่วนใหญ่ที่ซินดี้สังเกตเห็น จะเป็นเพราะว่ากล้ามเนื้อน้องอาจจะไม่แข็งแรงพอ เลยทำให้การวิ่งของนิ้วน้องในการเล่นทำได้ไม่เร็วตามจังหวะของเพลง รวมถึงความแม่นยำในการกดคีย์ ซึ่งหากน้องๆได้มีการฝึกอย่างถูกวิธี อาจจะต้องใช้ความพยายามสร้างความแข็งแรงของนิ้วหน่อยในช่วงแรก รับรองเลยค่า ว่าน้องๆจะเล่นได้ทุกเพลงที่น้องชอบตามระดับความสามารถในความเข้าใจเลยค่ะ
ความคิดสร้างสรรค์
เพราะการเล่นดนตรีไม่มีกฏตายตัว เมื่อน้องเรียนรู้ด้วยความเข้าใจ เรียนไปซักระยะที่เริ่มมีการเล่นในหลายๆรูปแบบ เด็กส่วนใหญ่จะเริ่มแต่งเพลง จับโน๊ตนี้มาเล่นกับโน๊ตนี้ หรือเล่นตามสิ่งที่เคยได้ยินจากเพลงที่ชอบ น้องจะสนุกกับการสร้างสรรค์และมีความภาคภูมิใจในสิ่งที่ทำได้มากๆค่า
ความอดทนและความรับผิดชอบต่อตนเอง
เพราะการเล่นดนตรีให้ดีได้นั้น ไม่สามารถเกิดจากการเรียนเพียง 1 ชั่วโมงในคลาสต่อสัปดาห์ได้ ในการเรียนคุณครูอาจจะมุ่งเน้นไปทางเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ สอดแทรกทฤษฎีความเข้าใจให้กับเด็กๆ หรือเรียนเพลงท่อนใหม่ เมื่อน้องได้เรียนรู้แล้วต้องนำมาฝึกซ้อม เพื่อให้เล่นได้ดี บางท่อนที่ยากอาจต้องใช้เวลาและความอดทนในการฝึกซ้อม จะทำให้น้องเข้าใจและมีความพยายามต่อการทำในสิ่งที่ยาก และยังมีความรับผิดชอบ นอกเหนือจากการทำการบ้านจากโรงเรียน
ทั้งหมดนี้ไม่เพียงจะสร้างความฉลาดทางความคิด สร้างนิสัยและทัศนคติที่ดีให้กับเด็กๆ ยังรวมถึงการสร้างความสุข และความเพลินเพลินให้กับเด็กๆอีกด้วย เพราะเด็กๆทุกคนมักจะมีดนตรีในหัวใจกันอยู่แล้ว ซึ่งถ้าสามารถถ่ายทอดออกมาผ่านการเล่น จะทำให้พวกเขามีความสุข และรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองอีกด้วย “เพราะการเรียนดนตรีไม่ใช่แค่การมีความสามารถพิเศษ”
ด้วยรัก
Kru Cindy Smart Melody